แนวคิดเกี่ยวกับอัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี มีดังนี้
อัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี (Reaction rate) หมายถึง ความเร็วที่สารตั้งต้นเปลี่ยนไปเป็นสารผลิตภัณฑ์ อัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมีสามารถวัดได้จากปริมาณของสารตั้งต้นหรือสารผลิตภัณฑ์ที่เปลี่ยนแปลงไปในช่วงเวลาที่กำหนด
ปัจจัยที่มีผลต่ออัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี ได้แก่
- ความเข้มข้นของสารตั้งต้น ยิ่งความเข้มข้นของสารตั้งต้นสูง อัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมีก็จะสูง
- อุณหภูมิ ยิ่งอุณหภูมิสูง อัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมีก็จะสูง
- พื้นผิวสัมผัส ยิ่งพื้นผิวสัมผัสของสารตั้งต้นสูง อัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมีก็จะสูง
- ตัวเร่งปฏิกิริยา ตัวเร่งปฏิกิริยาจะเร่งอัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี
ทฤษฎีการชน (Collision theory) เป็นทฤษฎีที่อธิบายอัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี โดยอาศัยแนวคิดที่ว่าปฏิกิริยาเคมีจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อโมเลกุลของสารตั้งต้นเกิดการชนกันโดยมีพลังงานจลน์เพียงพอที่จะทำลายพันธะเดิมและสร้างพันธะใหม่ อัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมีจึงขึ้นอยู่กับจำนวนครั้งที่โมเลกุลของสารตั้งต้นเกิดการชนกันที่มีพลังงานจลน์เพียงพอ
ทฤษฎีสถานะทรานซิชัน (Transition state theory) เป็นทฤษฎีที่อธิบายอัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมี โดยอาศัยแนวคิดว่าปฏิกิริยาเคมีเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อโมเลกุลของสารตั้งต้นเกิดการชนกันจนไปถึงสถานะทรานซิชัน (Transition state) ซึ่งเป็นสถานะชั่วคราวที่มีพลังงานสูงสุด อัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมีจึงขึ้นอยู่กับพลังงานกระตุ้น (Activation energy) ซึ่งเป็นพลังงานที่โมเลกุลของสารตั้งต้นต้องใช้ในการข้ามผ่านสถานะทรานซิชัน
สรุป
อัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมีเป็นสมบัติที่สำคัญของปฏิกิริยาเคมี อัตราการเกิดปฏิกิริยาเคมีสามารถควบคุมได้โดยใช้ปัจจัยต่างๆ เช่น ความเข้มข้นของสารตั้งต้น อุณหภูมิ และตัวเร่งปฏิกิริยา