เคมี ม.5 ความสัมพันธ์ระหว่างปริมาตรและอุณหภูมิของแก๊ส

ความสัมพันธ์ระหว่างปริมาตรและอุณหภูมิของแก๊สสามารถแสดงได้โดยใช้ กฎของชาร์ล (Charles’ law) ซึ่งกล่าวว่า

เมื่อความดันของแก๊สคงตัว ปริมาตรของแก๊สจะแปรผันตรงกับอุณหภูมิสัมบูรณ์

สมการของกฎของชาร์ลคือ

1
V1 / T1 = V2 / T2

โดยที่

  • V1 คือปริมาตรของแก๊สในสถานะแรก
  • T1 คืออุณหภูมิสัมบูรณ์ของแก๊สในสถานะแรก (เคลวิน)
  • V2 คือปริมาตรของแก๊สในสถานะที่สอง
  • T2 คืออุณหภูมิสัมบูรณ์ของแก๊สในสถานะที่สอง (เคลวิน)

กฎของชาร์ลสามารถอธิบายได้ว่า เมื่ออุณหภูมิของแก๊สเพิ่มขึ้น ปริมาตรของแก๊สจะเพิ่มขึ้น ในทางกลับกัน เมื่ออุณหภูมิของแก๊สลดลง ปริมาตรของแก๊สจะลดลง ตัวอย่างของกฎของชาร์ล เช่น

  • เมื่อเราต้มน้ำ น้ำจะเดือดและกลายเป็นไอน้ำ อุณหภูมิของไอน้ำจะสูงขึ้น ทำให้ปริมาตรของไอน้ำเพิ่มขึ้น
  • เมื่อเราเอาขวดแก้วบรรจุน้ำแข็งไปแช่ในตู้เย็น อุณหภูมิของน้ำแข็งจะลดลง ทำให้ปริมาตรของน้ำแข็งลดลง

การประยุกต์ใช้กฎของชาร์ล

กฎของชาร์ลสามารถนำไปใช้ในชีวิตประจำวันและอุตสาหกรรมมากมาย ตัวอย่างเช่น

  • การอบขนม จะใช้กฎของชาร์ลเพื่อคำนวณปริมาตรของแป้งและอากาศในเตาอบ
  • การวัดอุณหภูมิของแก๊ส สามารถใช้กฎของชาร์ลเพื่อคำนวณอุณหภูมิของแก๊สในภาชนะที่มีปริมาตรคงที่
  • การขนส่งแก๊ส จะใช้กฎของชาร์ลเพื่อคำนวณปริมาตรของแก๊สในภาชนะบรรจุแก๊สเมื่ออุณหภูมิเปลี่ยนแปลง

สรุป

กฎของชาร์ลเป็นความสัมพันธ์ที่สำคัญระหว่างปริมาตรและอุณหภูมิของแก๊ส การศึกษากฎของชาร์ลช่วยให้เข้าใจและประยุกต์ใช้ปรากฏการณ์ที่เกี่ยวข้องกับแก๊สในชีวิตประจำวันและอุตสาหกรรม