พลังงานไอออไนเซชัน เคมี ม.4

พลังงานไอออไนเซชัน (Ionization energy) คือ พลังงานที่ต้องใช้ดึงอิเล็กตรอนออกจากอะตอมหรือโมเลกุลในสถานะแก๊ส พลังงานไอออไนเซชันมี 2 ประเภท คือ

  • พลังงานไอออไนเซชันลำดับที่ 1 (IE1) คือ พลังงานที่ต้องใช้ดึงอิเล็กตรอนตัวแรกออกจากอะตอมหรือโมเลกุลในสถานะแก๊ส
  • พลังงานไอออไนเซชันลำดับที่ 2 (IE2) คือ พลังงานที่ต้องใช้ดึงอิเล็กตรอนตัวที่สองออกจากอะตอมหรือโมเลกุลที่สูญเสียอิเล็กตรอนไปแล้วหนึ่งตัว

ปัจจัยที่มีผลต่อพลังงานไอออไนเซชัน

พลังงานไอออไนเซชันมีปัจจัยที่มีผลอยู่ 2 ประการ คือ

  • รัศมีอะตอม อะตอมที่มีรัศมีอะตอมใหญ่ จะมีพลังงานไอออไนเซชันต่ำ เนื่องจากอิเล็กตรอนที่อยู่วงโคจรชั้นนอกสุดอยู่ห่างจากนิวเคลียสมาก ต้องใช้พลังงานน้อยในการดึงอิเล็กตรอนออก
  • ประจุไฟฟ้าของนิวเคลียส อะตอมที่มีประจุไฟฟ้าของนิวเคลียสสูง จะมีพลังงานไอออไนเซชันสูง เนื่องจากนิวเคลียสมีแรงดึงดูดอิเล็กตรอนมาก ต้องใช้พลังงานมากในการดึงอิเล็กตรอนออก

ความสัมพันธ์ระหว่างพลังงานไอออไนเซชันกับตารางธาตุ

โดยทั่วไป พลังงานไอออไนเซชันจะเพิ่มขึ้นตามลำดับจากซ้ายไปขวาในตารางธาตุ เนื่องจากรัศมีอะตอมจะลดลงตามลำดับจากซ้ายไปขวา และประจุไฟฟ้าของนิวเคลียสจะเพิ่มขึ้นตามลำดับจากซ้ายไปขวา

ประโยชน์ของพลังงานไอออไนเซชัน

พลังงานไอออไนเซชันมีประโยชน์ในการ

  • อธิบายสมบัติทางเคมีของธาตุ ธาตุที่มีพลังงานไอออไนเซชันต่ำ จะมีแนวโน้มที่จะสูญเสียอิเล็กตรอนได้ง่าย ธาตุเหล่านี้จึงมีสมบัติเป็นโลหะ
  • ใช้ในการวิเคราะห์ธาตุ พลังงานไอออไนเซชันสามารถใช้ในการแยกธาตุออกจากกัน โดยให้พลังงานที่สูงกว่าพลังงานไอออไนเซชันของธาตุที่ต้องการแยก

สรุป

พลังงานไอออไนเซชัน คือ พลังงานที่ต้องใช้ดึงอิเล็กตรอนออกจากอะตอมหรือโมเลกุลในสถานะแก๊ส พลังงานไอออไนเซชันมีความสัมพันธ์กับรัศมีอะตอม และประจุไฟฟ้าของนิวเคลียส พลังงานไอออไนเซชันมีประโยชน์ในการอธิบายสมบัติทางเคมีของธาตุ และใช้ในการวิเคราะห์ธาตุ