จุดเดือดและจุดเยือกแข็ง คือ อุณหภูมิที่ความดันของไอระเหยของของเหลวเท่ากับความดันบรรยากาศ จุดเดือดคืออุณหภูมิที่ของเหลวเปลี่ยนสถานะจากของเหลวเป็นแก๊ส ส่วนจุดเยือกแข็งคืออุณหภูมิที่ของเหลวเปลี่ยนสถานะจากแก๊สเป็นของเหลว
จุดเดือดและจุดเยือกแข็งของสารแต่ละชนิดแตกต่างกันไป โดยจุดเดือดจะสูงขึ้นเมื่อความดันบรรยากาศสูงขึ้น ส่วนจุดเยือกแข็งจะสูงขึ้นเมื่อความดันบรรยากาศสูงขึ้น
จุดเดือดและจุดเยือกแข็งของน้ำ
น้ำมีจุดเดือดที่ 100 องศาเซลเซียส และจุดเยือกแข็งที่ 0 องศาเซลเซียส เมื่อน้ำถึงจุดเดือด โมเลกุลของน้ำจะเกิดการเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วจนสามารถหลุดออกจากกันกลายเป็นไอระเหยได้ เมื่อน้ำถึงจุดเยือกแข็ง โมเลกุลของน้ำจะเกิดการเคลื่อนที่ช้าลงจนไม่สามารถเคลื่อนที่ไปไหนได้ เป็นผลให้น้ำแข็งเป็นของแข็ง
ปัจจัยที่มีผลต่อจุดเดือดและจุดเยือกแข็ง
ปัจจัยที่มีผลต่อจุดเดือดและจุดเยือกแข็ง มีดังนี้
- แรงดึงดูดระหว่างโมเลกุล ของเหลวที่มีแรงดึงดูดระหว่างโมเลกุลสูง จะมีจุดเดือดและจุดเยือกแข็งสูง เนื่องจากโมเลกุลของของเหลวชนิดนี้จะเคลื่อนที่ได้ยากกว่าของเหลวที่มีแรงดึงดูดระหว่างโมเลกุลต่ำ
- ขนาดของโมเลกุล ของเหลวที่มีโมเลกุลขนาดใหญ่ จะมีจุดเดือดและจุดเยือกแข็งสูง เนื่องจากโมเลกุลขนาดใหญ่จะมีแรงดึงดูดระหว่างโมเลกุลสูง
- ความดันบรรยากาศ ของเหลวที่มีความดันบรรยากาศสูง จะมีจุดเดือดและจุดเยือกแข็งสูงขึ้น เนื่องจากของเหลวชนิดนี้จะเกิดการระเหยได้ยากกว่าของเหลวที่มีความดันบรรยากาศต่ำ
ประโยชน์ของจุดเดือดและจุดเยือกแข็ง
จุดเดือดและจุดเยือกแข็งมีประโยชน์ในชีวิตประจำวัน เช่น
- ใช้ในการต้มน้ำ น้ำจะเดือดที่อุณหภูมิ 100 องศาเซลเซียส ใช้ในการต้มอาหารและฆ่าเชื้อโรค
- ใช้ในการแช่แข็งอาหาร อาหารจะแข็งตัวที่อุณหภูมิต่ำกว่า 0 องศาเซลเซียส ใช้ในการเก็บรักษาอาหาร
- ใช้ในการแยกสารผสม สารผสมที่มีจุดเดือดต่างกัน สามารถแยกออกจากกันได้โดยใช้การกลั่น
สรุป
จุดเดือดและจุดเยือกแข็งเป็นสมบัติที่สำคัญของของเหลว โดยจุดเดือดคืออุณหภูมิที่ของเหลวเปลี่ยนสถานะจากของเหลวเป็นแก๊ส ส่วนจุดเยือกแข็งคืออุณหภูมิที่ของเหลวเปลี่ยนสถานะจากแก๊สเป็นของเหลว