คลื่นสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ
- คลื่นกล คือ คลื่นที่เกิดจากการสั่นสะเทือนของวัตถุตัวกลาง
- คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า คือ คลื่นที่เกิดจากการสั่นสะเทือนของสนามแม่เหล็กและสนามไฟฟ้า
คลื่นกล
คลื่นกลเกิดขึ้นจากการสั่นสะเทือนของวัตถุตัวกลาง โดยคลื่นกลจะเคลื่อนที่ผ่านตัวกลางโดยการถ่ายเทพลังงานจากอนุภาคหนึ่งไปยังอีกอนุภาคหนึ่ง
คลื่นกลสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทย่อยๆ ตามลักษณะการเคลื่อนที่ของอนุภาคตัวกลาง ได้แก่
- คลื่นตามยาว คือ คลื่นที่อนุภาคตัวกลางสั่นในแนวเดียวกับการเคลื่อนที่ของคลื่น
- คลื่นตามขวาง คือ คลื่นที่อนุภาคตัวกลางสั่นในแนวตั้งฉากกับการเคลื่อนที่ของคลื่น
ตัวอย่างคลื่นกล
- คลื่นเสียง เกิดจากการสั่นสะเทือนของอนุภาคอากาศ
- คลื่นน้ำ เกิดจากการสั่นสะเทือนของอนุภาคน้ำ
- คลื่นแผ่นดินไหว เกิดจากการสั่นสะเทือนของเปลือกโลก
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเกิดขึ้นจากการสั่นสะเทือนของสนามแม่เหล็กและสนามไฟฟ้า โดยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าจะเคลื่อนที่ผ่านตัวกลางที่ว่างเปล่าได้
คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าสามารถแบ่งออกได้เป็นหลายประเภทตามความยาวคลื่น ได้แก่
- คลื่นวิทยุ มีความยาวคลื่นตั้งแต่ 1 m ถึง 100 km
- คลื่นไมโครเวฟ มีความยาวคลื่นตั้งแต่ 1 mm ถึง 1 m
- แสงที่มองเห็นได้ มีความยาวคลื่นตั้งแต่ 400 nm ถึง 700 nm
- รังสีอินฟราเรด มีความยาวคลื่นตั้งแต่ 700 nm ถึง 1 mm
- รังสีอัลตราไวโอเลต มีความยาวคลื่นตั้งแต่ 10 nm ถึง 400 nm
- รังสีเอกซ์ มีความยาวคลื่นตั้งแต่ 0.01 nm ถึง 10 nm
- รังสีแกมมา มีความยาวคลื่นน้อยกว่า 0.01 nm
ตัวอย่างคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า
- แสง เกิดจากการสั่นสะเทือนของสนามแม่เหล็กและสนามไฟฟ้า
- คลื่นวิทยุ ใช้ในการสื่อสารและโทรทัศน์
- คลื่นไมโครเวฟ ใช้ในการอุ่นอาหาร
- รังสีอินฟราเรด ใช้ในการตรวจจับวัตถุที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า
- รังสีอัลตราไวโอเลต ใช้ในการฆ่าเชื้อโรค
- รังสีเอกซ์ ใช้ในการวินิจฉัยโรค
- รังสีแกมมา ใช้ในการรักษาโรคมะเร็ง
สรุป
คลื่นสามารถแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ คลื่นกลและคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า คลื่นกลเกิดจากการสั่นสะเทือนของวัตถุตัวกลาง ส่วนคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเกิดจากการสั่นสะเทือนของสนามแม่เหล็กและสนามไฟฟ้า