ฟิสิกส์ ม.4 พลังงานกล

พลังงานกล (mechanical energy) คือ พลังงานทั้งหมดที่เกิดจากวัตถุที่กำลังเคลื่อนที่หรืออยู่ในตำแหน่งที่มีพลังงานศักย์ พลังงานกลสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ ดังนี้

  • พลังงานจลน์ (kinetic energy) คือ พลังงานของวัตถุที่กำลังเคลื่อนที่ พลังงานจลน์ของวัตถุขึ้นอยู่กับมวลและความเร็วของวัตถุ
1
Ek = 1/2mv^2

โดยที่

  • Ek คือ พลังงานจลน์ (J)

  • m คือ มวลของวัตถุ (kg)

  • v คือ ความเร็วของวัตถุ (m/s)

  • พลังงานศักย์ (potential energy) คือ พลังงานที่เกิดจากวัตถุที่อยู่ในตำแหน่งที่มีพลังงานศักย์ พลังงานศักย์สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทย่อยๆ ดังนี้

    • พลังงานศักย์โน้มถ่วง (gravitational potential energy) คือ พลังงานที่เกิดจากวัตถุที่อยู่สูงกว่าระดับอ้างอิง พลังงานศักย์โน้มถ่วงของวัตถุขึ้นอยู่กับมวลของวัตถุและระยะห่างจากระดับอ้างอิง
1
Ep = mgh

โดยที่

  • Ep คือ พลังงานศักย์โน้มถ่วง (J)
  • m คือ มวลของวัตถุ (kg)
  • g คือ อัตราเร่งเนื่องจากความโน้มถ่วงของโลก (9.8 m/s^2)
  • h คือ ระยะห่างจากระดับอ้างอิง (m)
    • พลังงานศักย์สปริง (elastic potential energy) คือ พลังงานที่เกิดจากสปริงที่ยืดหรือหด พลังงานศักย์สปริงของสปริงขึ้นอยู่กับค่าความยืดหยุ่นของสปริงและระยะการยืดหรือหดของสปริง
1
Ep = 1/2kx^2

โดยที่

  • Ep คือ พลังงานศักย์สปริง (J)
  • k คือ ค่าความยืดหยุ่นของสปริง (N/m)
  • x คือ ระยะการยืดหรือหดของสปริง (m)

กฎการอนุรักษ์พลังงานกล

กฎการอนุรักษ์พลังงานกล (law of conservation of mechanical energy) ระบุว่าพลังงานกลทั้งหมดของระบบจะคงอยู่ตลอดไป พลังงานกลสามารถเปลี่ยนรูปจากรูปหนึ่งเป็นอีกรูปหนึ่งได้ แต่ไม่สามารถถูกสร้างขึ้นหรือทำลายได้

สรุป

พลังงานกลเป็นแนวคิดพื้นฐานที่สำคัญในวิชาฟิสิกส์ ช่วยให้เราสามารถเข้าใจและอธิบายการเคลื่อนที่ของวัตถุได้อย่างถูกต้อง พลังงานกลสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักๆ คือ พลังงานจลน์และพลังงานศักย์ พลังงานกลทั้งหมดของระบบจะคงอยู่ตลอดไป